Saturday, October 24, 2015

เรื่องเล่า,ที่มา,ตำนานประวัติกาแฟ คอกาแฟต้องอ่าน

เรื่องเล่า,ที่มา,ตำนานประวัติกาแฟ คอกาแฟต้องอ่าน

ผู้เขียนชอบปั่นจักรยานและดื่มกาแฟ โดยเฉพาะกาแฟสดเย็นวันนี้ได้ไปเห็นตำราเกี่ยวกับกาแฟ ใครสนใจเกี่ยวกับตำนานของกาแฟ ประวัติความเป็นมา สนใจว่าเหตุใดกาแฟถึงเป็นที่นิยมดื่มของคนทั่วโลก รวมไปถึงประวัติกาแฟในไทย

เอสเพรสโซ กับ ซาลาเปาทับหลี ณ ชุมพร
เอสเพรสโซ กับ ซาลาเปาทับหลี ณ ชุมพร
เริ่มจากตำนานกาแฟ เป็นการเล่าขาน ว่ากันว่ากาแฟกินกันเป็นยามาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว บ้างก็เล่าว่าชาวเอธิโอเปียเป็นผู้ค้นพบ กินแล้วให้สดชื่น แต่ที่เป็นตำนานการค้นพบเด่นชัดสุด คือ นายคาลดี้ ชาวอบิสซีเนีย แอฟริกาค้นพบว่าแพะของเขากินเมล็ดกาแฟสีแดง เขาสงสัยมาก และเขาก็ได้ทดลงเคี้ยวเจ้าเมล็ดสีแดงๆ ปรากฏว่าร่างกายของเขาสดชื่นขึ้นมาทันที

จากนั้นก็เริ่มมีผู้คนอยากรู้ความสดชื่นจากการเคี้ยวเมล็ดสีแดง และเล่าขานกันปากต่อปากจนเป็นที่รู้จักกันเกือบครึ่งโลก โดยมีชาวอาหรับเป็นผู้นำกาแฟไปยังบ้านเกิด ซึ่งปัจจุบันก็คือประเทศเยเมนนั่นเอง และก็ขยายไปสู่ประเทศตุรกี และประเทศอื่นๆ

กล่าวถึงประเทศตุรกี เป็นประเทศที่มีการกินกาแฟกันอย่างแพร่หลายและเป็นจุดกำเนิดของการอบ-บดเมล็ดกาแฟ และชงด้วยวิธีการต้มน้ำ ใครที่ไม่ทราบว่าการอบ-บด กาแฟเกิดเมื่อใหร่ คำตอบ คือ ประเทศตุรกี นี่เอง และที่สำคัญคือ ตุรกีก็มีการขยายพันธุ์และเพาะปลูกกาแฟมากขึ้น

หลังจากนั้นราวคริสต์ศตวรรษที่ 15 กาแฟก็เริ่มเป็นเข้าสู่ยุโรป และก็มีการพัฒนากาแฟไปเป็นการขายกาแฟ โดยการเปิดร้านกาแฟ ทั้งนี้การดื่มกาแฟก็เริ่มนำไปสู่การค้าขายในแบบต่างๆ โดยมีกาแฟเป็นตัวช่วยในการจัดการต่างๆ เช่น ค้าขายก็ต้องมีการพูดคุย และก็มีการดื่มกาแฟกัน

เมนูกาแฟ
เมนูกาแฟ


กาแฟในบ้านของไทยเรา ที่บันทึกไว้ประมาณ 2454 จากบันทึกของ พระยาสารศาสตร์พลขันธ์ ได้กล่าวว่า "มีการปลูกกาแฟพันธุ์อาราบิก้า" เป็นสายพันธุ์ที่ให้กลิ่นหอม ชุ่มคอ ให้รสชาติเข้มข้นปานกลาง ส่วน โรบัสต้านั้นมีรสชาติเข้มกว่า สายพันธุ์นี้ได้นำมาปลูกเมื่อ 2447 ที่อำเภอสะบ้าย้อย จ.สงขลา โดยชาวไทยมุสลิมที่มีชื่อว่า "ตีหมุน"

ความนิยมบริโภคกาแฟ มี 2 สายพันธุ์ คือ อาราบิก้า และ โรบัสต้า โดย อาราบิก้ามีการปลูกที่ความสูง 3,000 ฟุต ส่วนมากปลูกที่ เชียงใหม่ เชียงราย และแม่ฮ่องสอน

เมล็ดกาแฟตากแห้ง
เมล็ดกาแฟตากแดดบนแคร่ไม้ไผ่

ส่วนโรบัสต้า นิยมปลูกที่ร้อนชื้นไม่จำเป็นต้องเป็นพื้นที่ระดับสูงเท่ากับอาราบิก้า สายพันธุ์โรบัสต้าจะให้ผลผลิตสูง รสชาติเข้ม หอม ให้กาเฟอีนสูง นิยมปลูกมากที่ ชุมพร นครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี


ประวัติเนสกาแฟ ที่มา: https://www.nescafe.co.th/coffee_history_th_th.axcms

เนสกาแฟที่คุณดื่มนั้นเป็นแบรนด์กาแฟที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ต้นกำเนิดของเนสกาแฟย้อนหลังไปในปี 1930 เมื่อบราซิลได้ผลผลิตเกินความต้องการและต้องการเก็บรักษาเมล็ดกาแฟไว้ รัฐบาลบราซิลได้ขอให้เนสกาแฟช่วยหาวิธีดังกล่าว แมกซ์ มอร์เกนเธเลอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านกาแฟของเนสท์เล่และทีมงานของเขาได้คิดวิธีดื่มกาแฟแบบง่ายๆ ด้วยการใช้น้ำ ทีมงานได้ค้นคิดวิธีการทำกาแฟชงดื่มที่ไม่ให้เสียรสชาติกาแฟแบบดั้งเดิม พวกเขาทำสำเร็จใน7 ปีต่อมา
ในที่สุดเนสกาแฟก็พร้อมออกจำหน่าย ชื่อของแบรนด์มาจากการผสมคำว่าเนสท์เล่กับคำว่าคาเฟ่ เนสกาแฟเป็นแบรนด์กาแฟใหม่ที่เปิดตัวครั้งแรกในสวิสเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ เมษายน และประสบความสำเร็จไปทั่วยุโรป ช่วงสงครามโลกครั้งที่ ความนิยมได้แพร่หลายออกไปอีก เนสกาแฟถูกส่งออกไปยังฝรั่งเศส อังกฤษ และสหรัฐฯ ซึ่งทหารอเมริกันมีบทบาทต่อความนิยมของเนสกาแฟไปทั่วยุโรป และเนสกาแฟได้ถูกบรรจุเป็นเสบียงอาหารของทหารอเมริกันด้วย
ช่วงปลายทศวรรษที่ 40ความนิยมยิ่งเติบโตขึ้นไปอีก ปัจจุบัน เนสกาแฟได้ผลิตกาแฟหลากหลายชนิดเพื่อตอบรับรสนิยมของคนทั่วโลก ตั้งแต่เริ่มต้นผลิตเมื่อปี 1938 เนสกาแฟใส่ใจคุณภาพเพื่อให้คุณได้ดื่มกาแฟที่ดีที่สุดทุกๆ ถ้วย ครั้งต่อไปที่คุณหยิบเนสกาแฟ ลองสังเกตส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ที่เป็น
กาแฟแท้ 100เปอร์เซ็นต์ ไม่มีส่วนผสมอื่นเจือปน

ต้นกาแฟ สายพันธุ์โรบัสต้า ที่ระนอง จากสวนสดชื่น
ต้นกาแฟ สายพันธุ์โรบัสต้า ที่ระนอง จากสวนสดชื่น


ประวัติกาแฟ Amazon ที่มา:http://www.cafe-amazon.com/th/stories.aspx?type=story

จากข้อมูลการวิจัยพบว่า ปัจจุบันร้านกาแฟสดในเมืองไทยยังมีอนาคตสดใส  เนื่องจากอัตราการดื่มกาแฟต่อคนยังต่ำมากเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศในแถบยุโรปและอเมริกา ด้วยเหตุนี้  ปตท. ได้เล็งเห็นถึงโอกาสทางการธุรกิจที่จะนำเอาร้านกาแฟที่มีมาตรฐานมาให้บริการภายในสถานีบริการ  โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มความสมบูรณ์ให้กับสถานีบริการ สามารถตอบสนอง Life Style ของผู้ใช้บริการได้อย่างครบถ้วน Café Amazon จึงถือกำเนิดขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546

ชื่อ Café Amazon มีที่มาจาก  แหล่งกาแฟที่มีชื่อเสียงของโลก คือประเทศบราซิลซึ่งเป็นต้นตำรับแห่งกาแฟ
ผนวกกับเมื่อคิดถึงป่า Amazon ก็จะคิดถึงความร่มรื่นของธรรมชาติอันประกอบด้วยแมกไม้และเสียงน้ำไหลที่ให้ความร่มเย็น
Café Amazon มีแนวคิดที่อยากให้เป็นร้านกาแฟที่สามารถนั่งพักผ่อนระหว่างการเดินทาง หรือเป็นแหล่งนัดพบของกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ที่นิยมดื่มกาแฟที่มีรสชาติอร่อยเข้มข้น พร้อมบรรยากาศเย็นสบายด้วยร่มไม้ล้อมรอบ

ปี 2545 -2547 เริ่มสร้างการรับรู้ของแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น โดยในระยะแรกมีการขยายสาขาไปยังสถานีบริการต่างๆ ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล รวมทั้งเส้นทางหลักที่จะมุ่งไปสู่จังหวัดในภาคต่างๆ  และต่อมาได้ขยายไปสู่ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ ซึ่งในช่วงระยะเวลา 3 ปีแรกนี้ Café Amazon มีสาขามากกว่า 100 สาขากระจายอยู่ทั่วประเทศ

ต่อมาในปี 2547 – 2550 เป็นยุคที่ Café Amazon สามารถขยายและเพิ่มจำนวนสาขาไปกับสถานีบริการน้ำมัน ปตท. ที่ได้มีการปรับปรุงภาพลักษณ์ให้มีความทันสมัย รวมทั้งได้มีการปรับพื้นที่บริเวณโดยรอบของห้องน้ำให้เป็นพื้นที่สีเขียว  จึงเป็นโอกาสที่ทำให้ร้านกาแฟ Café Amazon ภายในสถานีบริการ ปตท. ทำหน้าที่เป็นเสมือน “ห้องรับรองแขกผู้มาเยือน” ของสถานีบริการน้ำมัน ปตท. และในปี 2550 Café Amazon เป็นร้านกาแฟมีสาขาจำนวนมากที่สุดในประเทศไทยถึง 230 สาขา

ต่อมา Café Amazon เห็นว่า ฐานลูกค้าไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะในกลุ่มคนเดินทางอีกต่อไป
ดังนั้น ปตท. จึงเริ่มขยายธุรกิจออกสู่ภายนอกสถานีบริการภายใต้ระบบ Franchise เพื่อให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างทั่วถึง และยังช่วยให้สามารถขยายฐานธุรกิจออกไปได้อย่างรวดเร็ว โดย Café Amazon ได้เริ่มขาย Franchise ให้กับผู้สนใจและบุคคลทั่วไปตั้งแต่เดือนเมษายน 2555 ที่ผ่านมา ซึ่งพื้นที่เป้าหมายจะเน้นทำเลที่เป็น Discount Store อาคารสำนักงาน โรงพยาบาล สถานศึกษา และในหน่วยงานราชการต่างๆ

ติดตามเรื่องกาแฟ ได้ที่ "มุมกาแฟ"
เรียบเรียงโดย เที่ยวกับชัย

No comments:

Post a Comment